วันเสาร์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

กุนซือ กับ แม่ทัพ


               




        ถ้าพูดถึงสองคำนี้  มันทำให้นึกถึงตัวละครในสามก๊กขึ้นมาทันที   ถ้าหากใครได้เคยอ่านหรือดูภาพยนต์เรื่องนี้ จะพบว่าวรรณกรรมสามก๊กนั้นให้แง่คิดในการใช้ชีวิตไม่น้อยทีเดียว

       วรรณกรรมสามก๊กนั้นบทบาทของตัวละครในสามก๊กที่เรียกว่า  "กุนซือ"  คงหนีไม่พ้น  "จูกัดเหลียง"  หรือ "ขงเบ้ง" ที่หลายๆคนคงรู้จัก  ขงเบ้งนั้นเป็น  ยอดกุนซือที่ฉลาดหลักแหลม มีไหวพริบปฏิภาณเป็นเลิศ  ทั้งด้านการศึก ด้านการปกครอง  และด้านการพยากรณ์จนได้รับสมญานามว่า  "ผู้หยั่งรู้ดินฟ้ามหาสมุทร"




        แต่ถ้าให้พูดถึง "แม่ทัพ" ในตัวละครสามก๊กนั้น ตัวละครที่โดดเด่นที่ทุกคนคงรู้จัก  ก็คือ "หยุนฉาง" หรือ "กวนอู" กวนอูเป็นแม่ทัพที่เก่งกาจด้านการรบพุ่ง มีความสามารถในการรบที่ไม่เป็นสองรองใครในยุคนั้น ในแต่ละครั้งที่ออกรบ กวนอู มักจะเป็นทัพหน้าทำให้ทหารเกิดความเชื่อมั่น และสร้างความฮึกเหิมให้กับทหารที่ออกรบด้วยอยู่เสมอๆ ด้วยความกล้าหาญ เด็ดเดี่ยว มีความสื่อสัตย์  และมีคุณธรรม ทำให้กวนอูได้รับสมญานามว่า "เทพเจ้าแห่งความสื่อสัตย์"

       จะเห็นว่าทั้งสองคนมีจุดเด่นที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง และจุดเด่นของแต่ละคนก็จะเป็นข้อด้อยของอีกคนเช่นกัน

        ขงเบ้ง มักจะไม่ได้ออกรบด้วยการเป็นทัพหน้า ทำให้ทหารหรือบรรดาแม่ทัพเกิดความไม่ไว้วางใจ ในคำสั่งของขงเบ้ง และหลายครั้งที่แม่ทัพ ไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง ทำให้แผนการที่วางไว้เกิดความผิดพลาดขึ้น แต่ด้วยความฉลาดของขงเบ้ง ขงเบ้งเองก็มีวิธีที่จะเอาชนะใจเหล่าแม่ทัพได้ด้วยเช่นกัน แต่ก็ไม่สามารถทำได้ทุกครั้งไป คนที่เป็นแม่ทัพคู่กายของ ขงเบ้ง คงหนีไม่พ้น "จูล่ง"  ซึ่งมีความเก่งกาจไม่แพ้กวนอูเลย แต่เมื่อจูล่งตายไป แม่ทัพที่พอจะไว้ใจได้ก็เหลือน้อยลง แผนที่วางไว้จึงเกิดข้อผิดพลาดขึ้นหลายครั้ง เมื่อไม่สามารถบุกวุยก๊กได้ และการศึกได้ยืดเยื้อเป็นเวลานานทำให้ขงเบ้งล้มป่วย และจบชีวิตลง นั่นเอง

        ส่วน กวนอู ข้อเสียอันร้ายแรงของกวนอู  คือ  ความเย่อหยิ่งทรนงในศักดิ์ศรี  และเชื่อมั่นในตนเองมากจนเกินไป และวาระสุดท้ายของชีวิตกวนอู ก็จบลงด้วยความเย่อหยิ่งทรนงในศักดิ์ศรี โดยไม่ฟังคำเตือนของ ขงเบ้ง นั่นเอง

        ถ้าเปรียบ "กุนซือ" กับการทำงานคงเปรียบได้กับ การวางแผน และวางกลยุทธ์ ในการทำงาน ส่วน "แม่ทัพ" คงเปรียบได้กับการลงมือปฎิบัติตามแผนที่ได้วางไว้  การที่จะทำให้งานให้สำเร็จลุล่วงได้นั้น ทั้งสองสิ่งจึงต้องมาพร้อมกัน

        ในปัจจุบันอาจมีความสามารถทั้งสองอย่าง ในคนเพียงคนเดียว หลายคนอาจคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะมี นักวางแผนที่เก่ง และนักปฎิบัติที่ยอดเยี่ยมอยู่ในคนๆคนเดียวกันได้ ผมขอยกตัวอย่างง่ายๆ นั่นก็คือ "ในหลวง" ของเรานั่นเอง พระองค์ทรงเป็น นักวางแผนที่เก่ง และทรงเป็นนักปฎิบัติที่ยอดเยี่ยม พระองค์ทรงมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล และชนะใจชาวไทยทุกคนได้

        สิ่งที่ผมพยายามจะสื่่อออกมาคือ ในคนหนึ่งคนสามารถ มีจุดเด่นได้หลายอย่างโดยเฉพาะในปัจจุบันเราจะเห็นว่า ทุกๆอย่างมันก้าวข้ามขีดความสามารถของมันอยู่ทุกวัน ในสมัยก่อนความถนัดของแต่ละคนอาจมีเพียงอย่างหรือสองอย่างเท่านั้นแต่ปัจจุบันไม่ใช่แบบนั้นแล้ว ทุกๆอย่างดูจะมีความครบเครื่องมากขึ้น





        Michael Fred Phelps หรือ ไมเคิล เฟ็ลปส์ นักว่ายน้ำ 16 เหรียญ ในโอลิมปิก ปี 2004 และ 2008 เขาได้เหรียญทองจากการว่าย ท่าฟรีสไตล์ ผีเสื้อ เดี่ยวผสม ทั้ง 100 เมตร และ 200 เมตร จะเห็นว่าคนเพียงคนเดียวสามารถคว้าเหรียญทองได้แทบจะทุกท่า

        คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ปีกตัวเก่งของทีม เรอัล มาดริด เป็นผู้เล่นที่มีทั้ง ความเร็ว ความคล่องตัวความแข็งแกร่ง สามารถทำประตูได้ด้วยเท้าและหัว และยังยิงฟรีคิกได้อีกด้วยถือว่าครบเครื่องมากๆ




      
        แม้กระทั่งสิ่งของยังดูมีความครบเครื่องมากขึ้นเลย เช่น Harddisk ที่มีขนาดเล็กลงแต่มีความจุที่มากขึ้น ที่เขาเรียกว่า ทรัมไดรฟ์ หรือ แฟลชไดรฟ์ ทั้งๆที่มันควรจะใหญ่เมื่อความจุเพิ่มขึ้น จุดเด่นของมันจึงเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ( เคยได้ยินมาว่า Harddisk ตัวแรกของโลกใหญ่เท่าตู้เย็นและมีความจุไม่ถึง 156MB ด้วยซ้ำ เปิดใช้ทีนึงไฟดับทั้งเมือง 55+ )

        มือถือที่ถ่ายรูปได้ ฟังเพลงได้ ดูทีวีได้ เล่นเน็ตได้ (คงทำได้มากกว่านี้พอดีผมเป็นคน Low Tech 55+) จะเห็นว่าทุกอย่างมีพัฒนาการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

        นักแสดงที่เล่นละคร ร้องเพลงได้ เป็นพิธีกรได้ อ่านข่าวได้ มีหมอมาเป็นนักแสดง มีตลกมาอ่านข่าว ทุกๆอย่างมันเริ่มพัฒนาและมีความครบเครื่องมากขึ้น คนหนึ่งคนเริ่มที่จะมีมากกว่าหนึ่งอาชีพ

        ดังนั้นในยุคปัจจุบัน จุดเด่นเพียงอย่างเดียวอาจทำให้เราประสบความสำเร็จในชีวิตได้ แต่คงยากขึ้น คนหนึ่งคนจึงเริ่มหาทางเพิ่มจุดเด่นให้กับตัวเองมากขึ้น โดยการไปเรียนเพิ่ม ฝึกฝนเพิ่มเติม อ่านเพิ่มเติม ทำให้สังคมมันพัฒนาขึ้นจนถ้าเราอยู่เฉยๆและคิดแบบเดิมๆ วันนึงเราก็จะตามคนอื่นไม่ทัน

        ขงเบ้ง และกวนอู คงเป็นตัวอย่างที่ดี ที่ทำให้ตัวผมเองได้คิดว่า การมีจุดเด่นเพียงอย่างเดียวในระยะยาวนั้นมันจะสร้างปัญหาให้กับเราได้ เป้าหมายที่เราวาดฝันไว้มันคงจะไปถึงได้ยากขึ้น เพราะในการศึกจะขาดแม่ทัพที่เก่งกาจไม่ได้ และในขณะเดียวกันในการศึกก็ขาดกุนซือที่หลักแหลมไม่ได้เช่นกัน เป้าหมายจะบรรลุได้จึงควรมีทั้งสองสิ่งควบคู่กันไป

        แต่ทั้งหมดนี้ คงต้องใช้ความอุตสาหะเป็นอย่างมาก ผมคงจะต้องใช้เวลาทุกๆวันให้มีค่ามีความหมายมากที่สุด เมื่อเวลาผ่านไปโลกก็จะพัฒนาขึ้นไปอีก เมื่อนึกย้อนกลับมาตัวเราก็จะได้ไม่ต้องเสียใจ กับเวลาที่ผ่านไป เพราะเราได้สร้างจุดเด่นที่เพิ่มขึ้นในวันนี้แล้ว ซึ่งตัวผมเองคงต้องพยายามมากขึ้นไปอีกเช่นกัน...



            "ความสำเร็จในการศึก เกิดจากกุนซือและแม่ทัพ มิใช่คนใดเพียงคนหนึ่ง"



By Tumbler

วันอาทิตย์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

Trading Record 004



SET WEEK



ในภาพ Week ยังคงเป็น Up Trend เช่นเดิม หลังจากที่กราฟ Pull Back เส้น EMA35 ขึ้นมาพร้อมกับ STO ให้สัญญานไปต่อได้ โดยมีเป้าหมายแรกที่ 1247 ถ้าผ่านไปได้ เป้าหมายถัดไปคือ 1300






SET DAY

SET สามารถยืนเหนือ Fibo 61.8 ได้ซึ่งเป็น Pivot Zone โดยจะต้องไม่หลุดบริเวณนี้

SET ในระยะสั้นอาจจะย่อตัวลงมาบ้างเนื่องจาก RSI 7 ให้สัญญาน Bearish Divergence อาจจะเป็นการย่อเพื่อไปต่อมากกว่า โดยจะขึ้นไปทดสอบแถวๆ 1216 และอาจย่อตัวลงมาที่ 1200 และ 1192 ถ้าไม่หลุดแนวนี้ ก็จะขึ้นไปทดสอบ 1230 และ 1247 ต่อไป



Dowjones

 


 Dowjones ลงมาทดสอบ Fibo ที่ 38.2 แล้วไปต่อโดย เกิดแท่งเขียวยาว ซึ่งเป็น Strong Move ในขั้นแรกให้ยืนเหนือ Fibo 61.8 ให้ได้ก่อน








DAX



DAX เกิดแท่งเขียว Strong Move เช่นกัน ซึ่งถ้าสามารถ Break out trendline บนได้ก็จะถือว่าเปลี่ยนเทรน









HSI



HSI กราฟหลุด Fibo 38.2 ลงมาเป็นสัญญานที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่









OIL



น่าจะวิ่งไปทดสอบ Fibo 38.2 อีกครั้ง











สรุป สรุป สรุป


กราฟต่างประเทศโดยเฉพาะ Dowjones กับ DAX มีทิศทางที่ดีขึ้น น่าจะเป็นแรงหนุนให้ SET ในสัปดาห์นี้ไปต่อได้ โดยระหว่างทางอาจย่อตัวลงมาบ้างแต่ไม่น่าจะหลุด 1200 และ 1192 ซึ่งมีเป้าหมายขึ้นไปทดสอบที่ 1230 และ 1247 ตามลำดับ

ปิดท้ายคำคม

"การไม่วางแผน คือการวางแผนที่ดีที่สุดที่จะนำเราไปสู่ความล้มเหลว"

By Tumbler ^^