“ The most powerful force in the universe is compound interest. ”
By Albert Einstein
เป็นคำพูดนึงของนักวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนนึงของโลก ซึ่งแปลว่า “พลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในจักรวาล คือ ดอกเบี้ยทบต้น” คำพูดของบุคคลที่ยิ่งใหญ่น่าเชื่อถือได้แค่ไหนลองดูจากตารางครับ
สมมติเรามีเงิน 1 บาทนำไปฝากธนาคาร ธนาคารให้ดอกเบี้ยเรา 5%ต่อปี เมื่อครบ 5 ปีเราจะมีเงิน 1.28 บาท และเมื่อครบ 30 ปีเราจะมีเงิน 4.32 บาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 4 เท่า
สมมติเรามีเงิน 1 บาทเท่าเดิมและนำไปฝากธนาคารที่ให้ดอกเบี้ย 20% ต่อปี เมื่อครบ 5 ปี เราจะมีเงิน 2.49 บาท เมื่อครบ 30 ปีเราจะมีเงิน 237.38 บาท ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 237 เท่า
แล้วถ้าเรามีเงิน 1ล้านบาทละ เวลาผ่านไป 30 ปีด้วยดอกเบี้ย 20% เราจะมีเงินถึง 237 ล้านบาท!!
เวอร์!!!ไปรึเปล่า ขอตอบว่า เวอร์มาก
ในความเป็นจริงดอกเบี้ยเงินฝากจากธนาคาร 0.5-1% หักเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นปีละ 1-4% ทุกปีหักภาษีอีก 15% ก็หมดไม่เหลืออะไรแถมอาจขาดทุนอีก และอย่าลืมว่าปลายปีนี้รัฐบาลจะประกันเงินฝากแค่ 1 ล้านบาทเท่านั้นดังนั้นการฝากเงินกับธนาคารอย่างเดียวจึงมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นแน่นอน แล้วจะออมเงินยังไงดี?
ปัจจุบันมีทางเลือกในการออมเงินเกิดขึ้นมากมายทั้ง การทำประกันต่างๆ การลงทุนในตราสารหนี้ ตราสารทุน และกองทุนรวมต่างๆมากมาย แต่ผมจะพูดถึงตราสารทุน (หุ้น)
อัตราผลตอบแทนจากตลาดหุ้นนั้นเฉลี่ยอยู่ที่ปีละ 8-12%
Warren Buffett สามารถทำผลตอบแทนได้เฉลี่ยปีละ 20%
เป็นคำพูดนึงของนักวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนนึงของโลก ซึ่งแปลว่า “พลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในจักรวาล คือ ดอกเบี้ยทบต้น” คำพูดของบุคคลที่ยิ่งใหญ่น่าเชื่อถือได้แค่ไหนลองดูจากตารางครับ
สมมติเรามีเงิน 1 บาทนำไปฝากธนาคาร ธนาคารให้ดอกเบี้ยเรา 5%ต่อปี เมื่อครบ 5 ปีเราจะมีเงิน 1.28 บาท และเมื่อครบ 30 ปีเราจะมีเงิน 4.32 บาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 4 เท่า
สมมติเรามีเงิน 1 บาทเท่าเดิมและนำไปฝากธนาคารที่ให้ดอกเบี้ย 20% ต่อปี เมื่อครบ 5 ปี เราจะมีเงิน 2.49 บาท เมื่อครบ 30 ปีเราจะมีเงิน 237.38 บาท ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 237 เท่า
แล้วถ้าเรามีเงิน 1ล้านบาทละ เวลาผ่านไป 30 ปีด้วยดอกเบี้ย 20% เราจะมีเงินถึง 237 ล้านบาท!!
เวอร์!!!ไปรึเปล่า ขอตอบว่า เวอร์มาก
ในความเป็นจริงดอกเบี้ยเงินฝากจากธนาคาร 0.5-1% หักเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นปีละ 1-4% ทุกปีหักภาษีอีก 15% ก็หมดไม่เหลืออะไรแถมอาจขาดทุนอีก และอย่าลืมว่าปลายปีนี้รัฐบาลจะประกันเงินฝากแค่ 1 ล้านบาทเท่านั้นดังนั้นการฝากเงินกับธนาคารอย่างเดียวจึงมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นแน่นอน แล้วจะออมเงินยังไงดี?
ปัจจุบันมีทางเลือกในการออมเงินเกิดขึ้นมากมายทั้ง การทำประกันต่างๆ การลงทุนในตราสารหนี้ ตราสารทุน และกองทุนรวมต่างๆมากมาย แต่ผมจะพูดถึงตราสารทุน (หุ้น)
อัตราผลตอบแทนจากตลาดหุ้นนั้นเฉลี่ยอยู่ที่ปีละ 8-12%
Warren Buffett สามารถทำผลตอบแทนได้เฉลี่ยปีละ 20%
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร สามารถทำได้เฉลี่ยปีละ 40% [ข้อมูลปี 50]
Quantum Fund ของ Soros ให้ผลตอบแทน 32%
ทุกคนล้วนเริ่มต้นจากเงินน้อยๆ จนเป็นมหาเศรษฐี!!
จะเห็นได้ว่าส่วนใหญ่แล้ว นักลงทุนที่เก่งๆและทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้กับการลงทุนมักจะมีผลตอบแทนที่มากกว่าตลาด
ลองคิดดูนะครับว่าคำพูดของ คุณลุง ไอน์ สไตน์ ดูเวอร์ไปรึเปล่า
ขอหยิบยกคำกล่าวของ ท่านจูกัดเหลียง (ขงเบ้ง)
“เพราะแสวงหา มิใช่เพราะรอคอย
เพราะเชี่ยวชาญ มิใช่เพราะโอกาส
เพราะสามารถ มิใช่เพราะโชคช่วย”
ดังนี้แล้ว " ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน "
“ หากเราหมั่นฝึกฝนอย่างหนัก ทุกๆวัน ถึงแม้เราจะไม่มีพรสวรรค์ใดๆเลย ถึงแม้มันจะหนักและเหนื่อยยากแค่ไหน แต่ผมก็จะเชื่อในความพยายาม ” ^^
ทุกคนล้วนเริ่มต้นจากเงินน้อยๆ จนเป็นมหาเศรษฐี!!
จะเห็นได้ว่าส่วนใหญ่แล้ว นักลงทุนที่เก่งๆและทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้กับการลงทุนมักจะมีผลตอบแทนที่มากกว่าตลาด
ลองคิดดูนะครับว่าคำพูดของ คุณลุง ไอน์ สไตน์ ดูเวอร์ไปรึเปล่า
ขอหยิบยกคำกล่าวของ ท่านจูกัดเหลียง (ขงเบ้ง)
“เพราะแสวงหา มิใช่เพราะรอคอย
เพราะเชี่ยวชาญ มิใช่เพราะโอกาส
เพราะสามารถ มิใช่เพราะโชคช่วย”
ดังนี้แล้ว " ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน "
“ หากเราหมั่นฝึกฝนอย่างหนัก ทุกๆวัน ถึงแม้เราจะไม่มีพรสวรรค์ใดๆเลย ถึงแม้มันจะหนักและเหนื่อยยากแค่ไหน แต่ผมก็จะเชื่อในความพยายาม ” ^^